ชีวิตที่มีแต่หมาของ 'ป้าสำรวย'

     บางคนอาจจะสงสัยว่า คนๆ หนึ่งจะผูกพันกับสุนัข ได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่สำหรับ 'สำรวย โตพฤกษา' แล้ว ดูเหมือนว่า ชีวิตนี้เธอจะมีหมาเท่านั้น เพราะปัจจุบันเธอต้องรับผิดชอบ
พวก มันมากกว่า 400 ตัว สากล เจรจา นำเสนอเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่อุ้มชูอีกหลายๆ ชีวิตให้อยู่รอด

"ไปๆ ไปให้ที่อื่น มันสกปรก"
"เลี้ยงแล้วเดือดร้อนชาวบ้าน ไปทำบุญที่อื่นเลยไป"
"ไอ้หมาพวกนี้ เดี๋ยวฆ่าให้ตายเสียเลย ชอบไล่เห่ากูนัก"
ฯลฯ


     สารพัดคำด่าและคำพูดจาเสียดสี กระทบหูหญิงชราจนชาชิน ไม่มีเสียงตอบ มือขวายังคงจับทัพพี ตักข้าววางให้เจ้าสุนัขข้างถนนหลายตัวที่ยืนกระดิกหางมองหญิงชราด้วยความหิว
      วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ร่วมยี่สิบกว่าปี ที่หญิงชรา ป้าสำรวย โตพฤกษา วัย 56 ปี คอยหยิบยื่นแบ่งปันอาหารให้กับสัตว์สี่ขา สุนัขและแมวที่พิการ ไร้บ้าน ถูกทอดทิ้งในย่านดินแดง
ห้วยขวาง แม้จะพบกับอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงด่าทอ เสียงบ่น พูดจาสอดเสียด จากคน
ที่รังเกียจ แต่เมื่อนึกถึงสุนัขและแมวที่บางตัวผอมโซ เป็นขี้เรือน หน้าตาละห้อย ซึมเศร้านึกถึง เจ้านายเก่าที่ใจดำนำพวกมันมาทิ้ง หญิงชราต้องอาศัยความอดทน หรือบางครั้งก็พยายามหลีกเลี่ยง เช่น เคยหิ้วถังข้าว ตระเวนเดินให้หมาในตอนกลางวัน ในบางตรอกซอกซอย เมื่อผู้คนเข้านอนกัน หมดแล้ว เวลาตีหนึ่งตีสองก็จะเห็นป้าสำรวยเดินด้อมๆ หยอดข้าวให้หมาทุกคืน


     สุนัขจรจัดข้างถนนต่างอิ่มหนําสำราญก็จากความเมตตาของป้าสำรวย ที่ผ่านมาไม่เคยมีคำว่าเจ็บไข้ได้ป่วย หรือการ
ได้ พักผ่อนอยู่กับบ้านเฉยๆ ทุกวันป้าสำรวยจะตระเวนไปเก็บเศษข้าวตามวัดใกล้เคียงมาตระเตรียม แจกจ่ายให้กับ
เจ้าตูบ ข้างถนน และเมื่อพบเห็นตัวที่ถูกรถชนบาดเจ็บ หรือถูกทารุณด้วยการฟัน สาดนํ้ากรด หญิงชราจะไม่นิ่งเฉย
ต้องรีบคว้าตัว จ้างรถตุ๊กๆ ไปโรงพยาบาลสัตว์ทันที

     หลังจากนั้นก็จะนำมาทำการปฐมพยาบาลที่บ้านบนเนื้อที่ 50 ตารางวา จนสุนัขและแมวที่เจ็บป่วยส่วนใหญ่หายเป็น
ปกติ หลายตัวเข้าในบ้านก็เต็มไปด้วยสุนัขและแมวถึง 40 กว่าตัว และยังนำอาหารไปเลี้ยงสุนัข ใต้สายไฟแรงสูงที่อยู่
ไม่ไกลจากบ้านอีก 70 กว่าตัว ภาระหน้าที่นี้ยังไม่จบสิ้น ทุกวันยังมีหมาข้างถนน ตามตรอกซอกซอยอีกหลายตัวรอป้าสำรวย

     "ตอนแรกป้าเลี้ยงหมาตั้งแต่ 3 ตัว ไปเจอรถชน โดนฟัน ขาขาด ป้าก็ไปเอามารักษา คอยกรอกนํ้า กรอกนมจนหาย
ป้าก็ไปเลี้ยงซอยใกล้บ้านด้วย คนมันรู้ว่าป้าเลี้ยงก็มาปล่อยตามซอย เมื่อหมามันเยอะ ก็โดนด่า เขาว่า เขาไล่เขาแจ้งตำรวจ
จับ ป้าก็พูดกับตำรวจเขาดีๆ ตำรวจโรงพักสุทธิสาร เขายังขอหมาป้าไปเลี้ยง ส่วนที่บ้านมันหลายตัวคนแถวบ้านเขาก็หนวกหู
รำคาญ เขาใช้ปืนยิงจนฝาบ้านทะลุ เราก็เห็นใจ"

     เมื่อเป็นเช่นนี้ป้ารวยจึงพยายามหาที่อยู่ใหม่ให้กับสุนัขและแมว ตระเวนไปแถวสุพรรณได้ข่าวว่าประกาศขายที่ แต่ก็สู้
ราคาไม่ไหว เพราะลำพังป้าไม่มีรายได้อะไร นอกจากตัดเย็บเสื้อผ้า และมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งที่ไม่มากนักแต่ในที่สุดก็หา
ที่ได้ โดยหลวงพ่อผู้มีจิตเมตตาให้อาศัยหลังวัดแห่งหนึ่งของอำเภอบ้านนา นครนายก เป็นสถานที่เลี้ยง (ไม่ขอระบุชื่อวัด
เพราะที่ผ่านมามีคนนำสุนัขไปปล่อยให้เป็นภาระของป้าสำรวยเป็นจำนวนมาก)

     "ตอนนั้นป้ามีสตางค์เก็บอยู่ 2 แสนบาท ก็เอามาสร้างโรงเรือนให้พวกมันอยู่ ตอนแรกเป็นหลังคาจาก ก็พึ่งมาเปลี่ยน
เป็นหลังคากระเบื้อง พอเอาหมาแมวมาอยู่ที่นี่ มันก็เริ่มอดยาก เพราะป้าไม่มีเงินเหลือเลย วันไหนไม่มีจะกิน ป้าจะต้องไป
กู้เขามา เมื่อก่อนป้าเลี้ยงที่กรุงเทพฯ ไม่เคยไปขอใครเลย ไปเก็บข้าวตามวัดบ้าง วัดห้วยขวาง วัดหลวงพ่อเณร ป้าจะไป
เก็บเอาข้างกำแพงวัด ถ้าวันโกนวัดพระ มันเยอะ ป้าก็จะเช่ารถเขาขน"

     ไม่เพียงแต่เท่านั้นเพื่อสุนัขและแมวผู้น่าสงสาร ป้าสำรวยก็จะตระเวนเก็บเศษอาหารตามร้านอาหารแถวรัชดาที่ตึก
เมืองไทยประกันชีวิต ตามร้านข้าวหมูแดง ข้าวหน้าเป็ด และก็ทำเช่นนี้ไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียวนับสิบๆ ปี

ชีวิตนี้เพื่อหมาแมว

     ทุกวันนี้ที่วัดแห่งหนึ่งของอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก มีสุนัขที่ป้าสำรวยต้องเลี้ยงดูรับผิดชอบประมาณ 300 กว่าชีวิต
ส่วนแมวเหลือ 80 ตัว จากร้อยกว่าตัว เนื่องจากต้องเจอกับโรคระบาดไข้หัดแมว จึงทำให้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันเหลือสุนัขและแมวรวมกันประมาณ 400 ชีวิต และได้อาศัยใบบุญของวัดแห่งนี้มาสามปีกว่าแล้ว

     ด้วยความชราที่ย่างกรายเข้ามาทุกขณะ อาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าก็ต้องเลิกทำเพราะตามัว สุขภาพก็ไม่คล่องแคล่ว ข้อเข่าก็
เสื่อมเดินแทบไม่ไหว ต้องจ้าง แม่นงค์ และ ป้าแหยม มาช่วยดูแลเจ้าสี่ขา โดยสร้างโรงเรือนเป็นล็อกดูสะอาดสะอ้าน
ข้างเขาที่อากาศเย็นสบาย แต่สุนัขและแมวเหล่านี้มันจะรู้หรือไม่ว่า วันไหนที่พวกมันไม่มีอาหารจะกิน ป้าสำรวยจะต้อง
เป็นทุกข์ขนาดไหนกับการเดินไปเที่ยวกู้หนี้ยืมสินเพื่อนฝูง

     "ทุกวันนี้ป้าติดหนี้อยู่สองแสนกว่าบาท ก็ติดหนี้เพื่อหมาแมวนี่แหละ เมื่อก่อนไม่มีหนี้เพราะเราไปเก็บข้าวเอามาให้เขา
กินได้ แต่พอมาอยู่ไกลขนมาไม่คุ้มค่ารถแต่ก็จะขนมาเฉพาะวันพระที่ข้าวเยอะๆก่อนที่ป้าตัดสินใจเอาหมาแมวมา
อยู่วัดแห่งนี้ ก่อนหน้านี้มันรกมากเดินไม่ได้ งูเห่า งูเหลือมก็เยอะ และตอนนี้ป้าก็กำลังหาคนมาตัดหญ้าที่เหลืออยู่ จะได้
ไม่รก พวกมันจะได้วิ่งเล่นกันสบาย เพราะแมวถูกงูเหลือมรัดกินไปหลายตัว หมาก็ถูกงูเห่ากัดตาย"

     ด้วยความที่ยังเป็นห่วงสุนัขที่ยังเหลืออยู่ที่ใต้สายไฟแรงสูง ซึ่งมีคนเอามาทิ้งใหม่นับสิบตัว และสุนัขป่วย แมวป่วยที่บ้าน
ที่ดูแลรักษาอยู่ บางวันจึงต้องเดินทางไปนครนายกแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือบางอาทิตย์มาวันจันทร์กลับวันศุกร์
เพราะวันเสาร์-อาทิตย์ จะต้องไปช่วยเพื่อนหุงข้าวให้หมาแถวท่าเรือ วันละ 70 กิโล 200 แล้วเดินแจกประมาณ 200 ตัว
และวันไหนที่ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ก็จะฝากคนอื่นเลี้ยงสุนัขที่สายไฟแรงสูงแทน ส่วนสุนัขและแมวป่วยในบ้าน ก็จะขนใส่รถ
มาดูแลที่นครนายกด้วย

     แม้การได้ย้ายสุนัขมาอยู่ที่วัดดังกล่าวดูเหมือนจะราบรื่น แต่ก็มีปัญหากับชาวบ้านหลายครั้ง บ้างก็ว่าหมาเห่าหนวกหู
ไม่อยากขึ้นมาทำบุญ บางครั้งก็เคยพูดว่าจะไม่ให้ประปาหมู่บ้านมาวัดนี้ เวลาไฟฟ้าตก ก็หาว่าวัดไปใช้ไฟกับหมากับแมว
เยอะ และเวลามีชาวบ้านมาด่าก็มีหลวงพ่อ เจ้าอาวาสนั่นแหละออกมารับหน้าแทน

     "พอรู้ว่าป้าเลี้ยง ชาวบ้านเขาก็เอาหมามาปล่อย แต่ก่อนมันไม่เยอะอย่างนี้หรอก อย่างเมื่อไม่กี่วันมานี้ วัดไหนก็ไม่รู้
เอาลูกหมามาให้ 11 ตัว แมวตาบอด หมาตาบอดก็ขนมาหมดทั้งวัดมาให้ที่นี่ เพราะชาวบ้านเขาไปด่าพระที่เลี้ยง แถวๆ
นี้ที่ไหนมีปัญหาก็ยกมาที่นี่หมด บางทีมีงานสวดศพ 3 คืน คืนแรกลูกหมา 5 ตัว คืนที่สองลูกแมว 4 ตัว คืนที่สาม ลูกหมา
ผอมๆ 11 ตัว"

     สำหรับค่าอาหารนั้น ถ้าเป็นหมาปกติ ไม่เจ็บไม่ป่วย จะให้กินอาหารสำเร็จรูป ถุงขนาด 10 กิโล วันละ 5 ถุงและหุงข้าว
ให้แมว ให้หมาป่วย หมาเด็กอีก 1 หม้อใหญ่เบอร์ 40 ค่าอาหารเหล่านี้มีคนใจบุญช่วยมาบ้างเพราะความสงสาร แต่ก็ไม่
เพียงพอกับจำนวนที่พวกมันต้องกิน ที่ตกวันหนึ่งพันกว่าบาท

     "ป้าจะซื้ออาหารเม็ดไปทีละ 40 ถุงกินได้ 8 วัน และก็หุงข้าวหม้อใหญ่ให้หมาเด็ก หมาป่วย และแม่นงค์เขาก็หุงอีกหม้อ
หนึ่งคลุกให้แมว พวกนี้ป้าให้พวกมันอดวันเดียว ป้าก็นอนไม่หลับแล้ว พวกมันเคยอดมาสองครั้งแล้ว ป้าวิ่งหากู้หนี้ ยืมสิน
ไม่ทัน บางทีก็เกรงใจเขา ถ้าเรามีเมื่อไหร่ก็จะรีบเอาไปคืนเขาทันที"

ทุกข์หมา ทุกข์ป้าสำรวย

     สุนัขและแมวของป้าสำรวย ส่วนใหญ่ล้วนผ่านการทำหมันและฉีดวัคซีนมาแล้ว นอกจากตัวที่ถูกนำมาปล่อยใหม่
โดยวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า กรมปศุสัตว์ จังหวัดนครนายกนำมาฉีดให้ การช่วยเหลือสัตว์สี่ขา นับหลายร้อยชีวิตของ
อาจเป็น เรื่องปกติ ถ้าหากได้รับรู้เป็นเพียงแค่จำนวนตัวเลข แต่ในเบื้องหลังชีวิตที่คลุกคลีให้ความช่วยเหลือ หมาแมว
ข้างถนนมาร่วม 20 กว่าปี จนเข้าสู่วัยชรา หัวเข่าเสื่อมจนแทบเดินไม่ไหวนั้น มีอะไรมากกว่านั้นที่น่าสนใจ

     "ป้าเห็นหมาที่ไหนก็จะไล่จับทำหมัน ตรงไหนช่วยได้เราก็จะช่วย แต่รุ่นเก่าๆ ปีที่แล้วที่ทำหมันไป อยู่ๆ พวกมันก็หายไป
ตัวที่มาใหม่ป้าก็จับทำหมันอีก เคยมีคนแจ้งให้กทม.มาเก็บหมาแถวดินแดงที่ป้าเลี้ยงประจำ พอเจ้าหน้าที่เขารู้ว่าเป็น
หมาของป้าสำรวย เขาไม่ค่อยสนใจกันเท่าไหร่หรอก"

     ที่ผ่านมาป้าสำรวยเคยช่วยสุนัขที่ถูกรถทับเป็นจำนวนมาก นับร้อยตัวก็ว่าได้ โดยนำมาใส่เหล็กหายเดินได้ก็หลายตัว
หรือแม้แต่หมาที่ติดอยู่บนทางด่วนก็เคยช่วยมาแล้ว บางตัวเข้าไปในซอกตึกออกมาไม่ได้ ก็เรียกเจ้าหน้าที่กทม.มาช่วย
เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนรู้จักป้าสำรวยดี และที่โหดร้ายไปกว่านั้นคือช่วยหมาโดนฟันขาเกือบหลุด

     "ป้าเห็นเลือดมันสาดอยู่ข้างทาง พยายามไปดู สองวันไม่เห็น เห็นวันที่สามแผลติดเชื้อต้องตัดทิ้งไป หมาโดนฟันกัน
บ่อยมาก บางตัวก็ขาขาด ป้าเห็นหมาตัวเมียที่เป็นมะเร็งเนื้องอกก็ช่วยหมด ช่วยหมาแบบนี้ลงทุนไม่มาก ตัวหนึ่งก็ตก
พันกว่าบาท เมื่อก่อนเย็บผ้า จนเย็บไม่ไหว ตาไม่ดี หัวเข่าเสื่อม เลิกเย็บมา 3 ปีแล้ว ทุกวันนี้ก็มีเพื่อนคนหนึ่ง
ช่วยค่าอาหารหมาบ้าง เขาสงสาร เพราะติดหนี้เขาแล้วไม่ค่อยมีคืน เขาเห็นว่าเราเอาไปให้หมากินหมด"

     วิบากกรรมของสุนัขข้างถนนที่ป้าสำรวยต้องเผชิญ นอกจากโดนฟัน ถูกรถทับแล้ว ยังโดนนํ้ากรดสาดเห็นแล้วน่าเวทนา
หรือสุนัขและแมวบางตัวออกลูกไม่ได้ ก็ต้องช่วยเหมือนกัน

     "มีเพื่อนเลี้ยงหมาอยู่แถวสะพานใหม่ดอนเมือง มีหมาอยู่ตัวหนึ่งกระดูกหมูติดฟัน 3-4 วัน เขาก็โทรศัพท์ให้ป้าไปช่วย
ป้าก็เอาสวิงไปตะครุบ เพราะหมามันเปรียว กว่าป้าจะไปช่วย 5-6 วัน เข้าใกล้ปากมันก็เหม็นแล้ว และป้าก็เตรียมไขควง
ฆ้อน จะไปตอกกระดูกให้ออกจากฟัน พอจับมันได้ก็เตรียมยาสลบไปด้วย หมอแนะนำให้ฉีดเข้าที่กราม หมาจะไม่ดื้อ
ปรากฏว่ากระดูกมันขบเข้าไปข้างบนจม ข้างล่างก็จม ลึกทั้งล่างบน อ้าไม่ขึ้น พอป้าตอกหลุด ลุกขึ้นได้เขาแกว่งหางใหญ่เลย
กินข้าวเป็นชามใหญ่ ป้าเคยช่วยหมากระดูกติดฟันมาหลายตัว แต่ก็ไม่ติดหนักขนาดนี้"

     นอกจากนั้นป้าสำรวยยังเคยช่วยหมาตกคลองมาหลายตัว เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้คลอง ก็เอาเข่งหย่อนลงไป มันก็ไม่เข้า
ก็เอาเชือกคล้องคอดึงขึ้นมา เนื่องจากช่วงหลัง กรุงเทพมหาตรงทำคลองใหม่ สุนัขตกคลองเยอะมาก
และมีอยู่ครั้งหนึ่งนํ้าท่วมกรุงเทพฯ หนัก ก็เห็นหมาแม่ลูกอ่อนคาบลูกลอยคอ ป้าสำรวยก็หาลังไม้ เอาไปวางให้มันอยู่
เอาลูกมาไว้ที่ลังแม่หมาก็ตาม ตรงที่วางลังไม้ ตะขาบ หมด หนีนํ้ามาก็เยอะ ตะขาบเข้าไปในหูของป้าสำรวย จะปัดทิ้งปัดไม่ทัน
มันวิ่งเข้าไปในหูกัดปวดมาก แต่สักประเดี๋ยวก็หาย เห็นเขาว่าตอนเด็ก ถ้าแพ้พิษตะขาบ ตอนโตจะไม่แพ้

     "ป้าก็เอาดีดีทีมาฉีด หอบลูกมัน มันเห็นเราช่วย มันก็ดีใจ พอเราช่วยมันได้ มันขึ้นไปนอนในลังกับลูกอย่างสบายอก
สบายใจ เราก็สบายใจไปด้วย ช่วยมา 20 กว่าปีแล้ว บ้านใต้ถุนเฉอะแฉะ หมาโดนรถทับ จนขาหัก วิ่งเข้าไป ป้าหมุดเข้า
ไปลากออกมา เลอะไปหมด"

     มีประสบการณ์ช่วยเหลือสุนัขมากขนาดนี้ ก็เคยเจอสุนัขที่เป็นบ้าเหมือนกัน เที่ยวไล่กัดหมาตัวอื่นไปทั่ว โทรไปให้กทม.
ช่วย หนึ่งวันผ่านไปก็ไม่มา สองวันก็ไม่เห็น วันที่สามมันตายแล้ว ป้าสำรวยบอกว่ากทม.ไม่สนใจ ป้าต้องลากมาฝัง
เพราะมันเลี้ยวเข้าไปใต้ถุนร้านขายของที่ปลูกเป็นเพิง ป้ากับเพื่อนก็ช่วยกันเอาไม้ตอก ไม่ให้มันออกมา แล้วเรียกกทม.

     "กทม.เขาไม่สนใจเลย ถ้าหมาไปกัดคน คนก็ฮือฮา กทม.ก็จับหมามาฆ่าหมดทั้งฝูง ป้ามีลูกหมาหูเน่ามีหนอนอยู่เต็มหู
และมีอีกตัวหนึ่งคอถูกเชือกรัดเกือบขาด ป้าก็ไปช่วยมาที่ท่าเรือ กว่าจะไล่จับได้ก็ครึ่งวัน บางตัวเป็นขี้เรือนป้าก็ช่วยจับ
อาบนํ้า ทำความสะอาด คนเห็นป้าอุ้มหมาขี้เรือน เขาก็ส่ายหน้า"

     วันเวลาที่ผ่านมาป้าสำรวยเคยเข้าไปช่วยหมาที่ถูกจับไปขังไว้ที่กทม.ดินแดง จับหมาแม่ลูกอ่อน แล้วเอาแม่กับลูกใส่
คนละกรง สงสารแม่มันมาก มันจ้องไปกรงที่มีลูกแล้วก็ร้องอยากไปอยู่กับลูก ก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ที่ไปจับหมาว่า เวลาจับหมา
แม่ลูกอ่อนให้เอาลูกใส่ด้วยกันได้มั้ย เขาก็บอกว่าไม่รู้กี่สิบแม่ ป้าสำรวยก็ได้แต่สงสารแล้วร้องให้

     "มีอยู่ครั้งหนึ่ง หมาตามซอย ให้ข้าวมันกิน มันท้องอ้วน มันโดนกทม.จับไป ป้าเห็นก็รีบเอาออกจากกรงที่กักขังไปหาหมอ
แต่มันก็ตายกลางทาง เพราะมันแออัดกันอยู่ในกรงหลายตัว"

     จากสภาพที่เห็นมานี้ป้าสำรวยจึงเขียนจดหมายไปหา พลตรีจำลอง ศรีเมือง ซึ่งเป็นผู้ว่ากทม.ขณะนั้น บรรยายถึงความ
ทุกข์ทรมานของสัตว์ที่ถูกจับเข้าไปอยู่ในกรงดินแดง ขณะเดียวกันเมื่อสุนัขที่ต้องรับผิดชอบมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
และค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอเป็นค่าอาหาร ครั้งหนึ่งหญิงชราก็เขียนจดหมายถึงหลวงตามหาบัว ขอเป็นค่าข้าวให้หมา ส่งรูปไป
แผนที่ให้ด้วย เผื่อหลวงตาส่งคนมาดู แต่ก็เงียบหายไป

     "อยากฝากถึงคนเลี้ยงหมาให้ช่วยกันเลี้ยง เลี้ยงแล้วอย่าเอาไปปล่อย เพราะสุนัขรักเจ้าของ รักบ้านมาก บางตัวคิดถึง
เจ้าของมากมันก็จะร้องด้วยความสงสาร ขอให้ช่วยกัน คนที่เอาไปฝากให้ป้าเลี้ยง ไม่รู้หรอกว่าทุกข์ของคนเลี้ยงจะเป็น
อย่างไร คนที่ยกภาระให้เราแล้วสบายใจ ไม่นึกถึงคนเลี้ยงเลยว่าเราต้องทุกข์แค่ไหน"

     ชีวิตทุกวันนี้ของป้าสำรวย แม้จะตรากตรําลำบากเพื่อสัตว์สี่ขาที่ตกทุกข์ได้ยากด้วยเรี่ยวแรงที่เริ่มอ่อนล้า แต่เมื่อได้ยื่น
ความเมตตาให้แล้วก็สุขใจเปี่ยมล้น แต่ทว่าภาระที่แบกรับทุกวันนี้ ถ้ามองดีๆ ล้วนเป็นสิ่งที่สังคมโยนมาให้ทั้งสิ้น ด้วยการ
เลี้ยงสุนัขและแมวแล้วนำไปปล่อย

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ